**345วัน…ปั่นจักรยานเที่ยวไทย 77 จังหวัด**
ผมเกิดที่
**345วัน…ปั่นจักรยานเที่ยวไทย 77 จังหวัด**
ผมเกิดที่พิษณุโลก ช่วงวันหยุดยาวในวัยเด็กจะได้นั่งรถไปเยี่ยมบ้านปู่ย่าที่โคราชเป็นประจำ มีบ้างบางปีที่ผู้ใหญ่อยากเปลี่ยนบรรยากาศก็นัดกันไปทะเล ซึ่งก็ไม่พ้นหาดยอดฮิตอย่างพัทยา หัวหิน ชะอำ ส่วนทางเหนือมีไปเชียงใหม่กันสัก 2-3 ครั้งที่จำได้ เคยนั่งรถไปสงขลาตอนงานแต่งคุณอา ซึ่งก็เป็นการลงใต้เพียงครั้งเดียวในชีวิต วัยเด็กของผมมีโอกาสได้ไปเพียงไม่กี่จังหวัด เมื่อถึงช่วงชีวิตที่ผมสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้เอง ความอยากไปเยือนให้ครบทั้ง 77 จังหวัดก็เริ่มก่อตัวจริงจังขึ้น
🚵♂️🚴♂️ทำไมปั่นจักรยานไป?
สมัยเรียนมหาลัย ผมเริ่มใช้จักรยานเป็นพาหนะสำหรับเดินทางไปกลับระหว่างหอพักกับอาคารเรียน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่พาผมเข้าสู่โลกจักรยาน
วันหนึ่งผมได้อ่านกระทู้นึงในพันทิปที่เล่าเรื่องการปั่นจักรยานของคนๆ หนึ่งเมื่อเรียนจบ จากกรุงเทพฯ ปั่นกลับไปบ้านเกิด ก่อเกิดเป็นความต้องการขึ้นในใจผมที่อยากจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้บ้าง คิดวนไปมาในหัวจนแผนการไปไกลกว่าแค่การปั่นกลับบ้าน เป็นการปั่นไปทุกจังหวัดของประเทศไทย ผมเขียนร่างแผนการเดินทางที่พลุ่งพล่านลงในสมุดบันทึกไว้ ซึ่งกว่าแผนที่ร่างจะได้เอามาใช้จริงก็เป็นเวลาหลายปีหลังจากนั้น
🚵♂️🚴♂️เลือกเส้นทางยังไง?
เปิดกูเกิ้ลแม็พแล้วลากเองเลย เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันดีมากแล้ว ผมเลือกจุดตั้งต้นเป็นที่กรุงเทพฯ เพราะอยากเริ่มปั่นจากจุดปัจจุบันที่อาศัยอยู่ ไม่อยากขึ้นรถเพื่อย้ายไปเริ่มที่จุดอื่น พอได้ที่ตั้งแล้วก็ลากจุดตามใจชอบ ถ้าจะไปให้ครบทุกจังหวัด มันก็ต้องลากเส้นเป็นงูคดไปมา ผมเลือกแค่ว่าจะไปจังหวัดไหนต่อจังหวัดไหนแต่ยังไม่ลงรายละเอียดว่าจะไปที่ไหนบ้าง เพราะทางที่จะไปจริงๆ มันก็ต้องค่อยเอาไว้ว่ากันวันจริงอยู่แล้ว
สรุปสุดท้ายก็เลยได้ออกมาเป็นว่าจากกรุงเทพฯ ออกไปภาคตะวันออก วกกลับมาภาคกลาง เข้าไปเก็บภาคอีสาน ขึ้นเหนือไปให้ครบ แล้วนั่งรถไฟจากเหนือสุดไปใต้สุด ที่ก็ไม่เคยนั่งมาก่อนเลยอยากลองสักครั้ง แล้วก็ปั่นจากใต้กลับขึ้นมา เลี้ยวไปเก็บตะวันตกที่เหลือ และกลับมาจบที่กรุงเทพฯ ตามเดิม
🚵♂️🚴♂️ต้องซ้อมมั้ยก่อนออกไปปั่นจริง?
วิธีการของผมอาจไม่ใช่การซ้อมตรงๆ ปกติผมใช้จักรยานเป็นพาหนะสำหรับเดินทางในชีวิตประจำวันอยู่แล้วมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี(ไม่นับปีที่ยังเดินทางด้วยพาหนะอื่นร่วมด้วย) จึงไม่ได้จัดเวลาไปปั่นเพิ่มที่ไหน ทุกๆ การเดินทางในทุกวันคงถือเป็นการซ้อมไปในตัว
ที่อาจจะเรียกว่าไปซ้อมได้จริงๆ ก็น่าจะเป็นการไปลองปั่นทางไกลออกต่างจังหวัด เพื่อทำความเข้าใจว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เช่น กรุงเทพฯ-อัมพวา กรุงเทพฯ-พิษณุโลก โคราช-กรุงเทพฯ
🚵♂️🚴♂️เอาจักรยานอะไรไปปั่น?
ตอบด้วยความสัตย์จริงก็คือ ผมเลือกคันที่ชอบไปปั่นครับ ซึ่งคันที่ชอบดันเป็นจักรยานซิตี้ไบค์ที่เอามาติดตะแกรงหลัง ก็เลยได้พิสูจน์ว่า จักรยานอะไรก็เอาไปใช้ปั่นได้นั้นเป็นความจริง แต่ก็มีเงื่อนไขที่ต้องยอมรับ ถ้าเกิดจักรยานของเราไม่พร้อมกับสถานการณ์ที่ต้องเจอ ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้ข้อจำกัดนั้นระหว่างทาง และต้องไปเปลี่ยนอะไหล่เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การเดินทางคล่องตัวขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเลือกจักรยานที่เหมาะจริงๆ ตั้งแต่ต้นไปเลยก็จะดีกว่าครับ
🚵♂️🚴♂️พกอะไรไปบ้าง?
มีกระเป๋าจักรยานคู่หลังและกระเป๋ากันน้ำ 20ลิตร ใส่ของใช้ส่วนตัวต่างๆ เสื้อผ้า แก้วน้ำขวดน้ำ เต็นท์ ถุงนอน ส่วนกระเป๋าหน้าแฮนด์เอาไว้ใส่อุปกรณ์ซ่อมแซมและอะไหล่ หลักๆ ก็ประมาณนี้ครับ
ส่วนเรื่องอาหารสำหรับการปั่นในเมืองไทยนั้น ระหว่างทางมีให้มากมายครับ อาจต้องพกเตรียมไว้บ้างสำหรับเส้นทางบางช่วงที่จะไม่เจอบ้านผู้คน
🚵♂️🚴♂️ใช้เงินจากไหนตอนไปปั่น?
ผมใช้วิธีธรรมดาสามัญ นั่นคือการทำงานเก็บเงินให้ได้ก้อนนึง ผมตั้งเวลาสำหรับเดินทางทั้ง 77 จังหวัดให้ตัวเองไว้ใน 1 ปี เงินเก็บก้อนนี้จะต้องเพียงพอสำหรับ 1 ปีที่ผมจะไม่มีรายได้เข้ามาเลย ยอดเงินเก็บโดยประมาณก็อยู่ที่แสนต้นๆ ซึ่งก็หมดพอดีกับที่จบการเดินทาง แล้วก็กลับมาทำงานใหม่ครับ
🚵♂️🚴♂️ที่พักล่ะ?
หลักๆ ก็มี 2 ที่ครับ หนึ่งก็คือ หน่วยบริการตำรวจทางหลวง ซึ่งมีกระจายอยู่จามอำเภอต่างๆ เกือบทุกจังหวัด ซึ่งมีนโยบายบริการที่พักสำหรับประชาชน ปกติมีทั้งคนขับรถบรรทุก ชาวบ้านที่มาค้าขายแล้วกลับไม่ทัน หรือคนที่รถเสียที่จะมาขอใช้บริการ สำหรับนักปั่นจักรยานก็สามารถขอใช้บริการได้เช่นกัน เห็นว่านักปั่นชาวต่างชาติก็เคยมาขอใช้บริการด้วย ถ้าห้องพักไม่ว่างก็ขอกางเต็นท์ได้
อีกที่พักก็คือ กางเต็นท์อุทยานแห่งชาติ ช่วงปีที่ผมเดินทางนั้นกระแสแคมป์ปิ้งอยู่ในช่วงเริ่มต้น เลยยังไม่ค่อยรู้จักที่กางเต็นท์อื่นๆ นอกจากอุทยานที่ปักหมุดไว้บนกูเกิ้ลแม็พ
นอกจากสองที่หลักนี้แล้ว ก็มีบ้างที่นอนโรงแรม โฮสเทล หมวดทางหลวง วัด แบบ หรือที่สุดจริงๆ เลยก็คือนอนศาลาริมทางครับ
🚵♂️🚴♂️คำถามสุดท้ายที่ผมมักโดนถามทั้งจากคนที่เจอระหว่างทางและบนออนไลน์
ทำไมใส่สูทปั่นจักรยาน?
ชอบครับ คำตอบคือง่ายๆ แค่นั้นเลย การออกปั่นจักรยานของผมจริงๆ ก็คือการไปเที่ยวครับ เวลาไปเที่ยวก็เลยอยากจะใส่อะไรที่ชอบ ทำในแบบที่ชอบ จริงๆ ถ้าจะย้อนหาเหตุผลกลับไปให้ไกลกว่าแค่คำว่าชอบแล้วก็อาจจะเจอคำตอบ แต่บางอย่างเราก็ไม่ต้องไปหาเหตุผลมากมากว่าทำไมเราถึงทำอย่างนั้น ให้เหตุผลมันอยู่ที่แค่ว่าเราชอบ เราทำแล้วเราสบายใจบ้างก็ได้
🚵♂️🚴♂️คำถามสุดท้ายกว่า ปั่นจบแล้วทำอะไร?
ก็กลับมาทำงานครับ แต่ก็ยังออกไปปั่นจักรยานต่อ เพราะมีที่ที่อยากกลับไปเยี่ยม และก็ยังมีที่ที่ยังไม่ได้ไปอีกมากมายบนโลกนี้ ที่อยากจะออกปั่นไปดูด้วยตาตัวเอง
เรื่องและภาพโดย: คุณ Filnn Hikool